กางเกงวินเทจทรงเก๋าตั้งแต่รุ่นพ่อ กลายเป็นเทรนด์แฟชั่นสุดฮิตที่ทุกวันนี้ ที่หนุ่มๆ ต่างหยิบมาแต่งหล่อ ปรับให้เข้ากับสไตล์ตัวเอง ให้ดีเทลแบบฉบับกางเกงวินเทจเพิ่มลุกเก๋านิดๆ เหมือนย้อนไปยุค 60s – 90s จนกลายเป็นซีนวินเทจครองเมือง

ดีเทลเฉพาะแบบฉบับกางเกงวินเทจ
กางเกงวินเทจมีดีเทลเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ที่แค่มองก็รู้ได้เลยว่ากางเกงทรงนี้ที่กำลังเห็นอยู่นั้น คือกางเกงวินเทจ ไม่ว่าจะเนื้อผ้ายีนส์ หรือเนื้อผ้าอื่นๆ ดีเทลสำคัญของกางเกงวินเทจอันดับแรกคงต้องพุ่งไปที่ ‘ความเก่า’ ก่อนเลย ต้องเป็นกางเกงโบราณที่ผลิตในช่วงยุค 60s – 90s อาจจะเป็นกางเกงตั้งแต่รุ่นปู่ รุ่นพ่อ ก็หยิบความคลาสสิกที่มีมาแมทช์ในแบบที่เป็นคุณได้

แต่ไม่ใช่เฉพาะความเก่าทางด้านกาลเวลาเท่านั้น เพราะกางเกงวินเทจสมัยนี้ เป็นทรงที่หลายต่อหลายแบรนด์ต่างนำไปตัดกางเกงเป็นสินค้าใหม่ออกขายกันและได้รับความนิยมามากตามท้องตลาด ส่วนดีเทลต่อมาที่สามารถบ่งบอกถึงกางเกงวินเทจจึงได้เป็นอย่างดีก็เป็นเรื่อง ‘กางเกงเอวสูง’ เพราะกางเกงวินเทจของแท้ ต้องเอวสูงเท่านั้น

ตามติดมาด้วยเรื่องราวของ ‘ทรงกางเกงวินเทจ’ ที่มีตั้งแต่ขาบาน ขาม้า แต่ทรงกางเกงวินเทจที่ฮอตฮิตที่สุด ต้องยกให้ ‘กางเกงวินเทจขากระบอก’ เพราะขากางเกงวินเทจทรงกระบอกนั้น ปล่อยปลายขาตรงรับเข้ากับช่วงเอวสูง เมื่อใส่แล้วหนุ่มๆ ก็จะดูขายาวขึ้นมาเลยทีเดียว

กางเกงวินเทจปรับเอวได้
เวลาใส่กางเกงวินเทจ แน่นอนว่า คุณผู้ชายร้อยทั้งร้อยต้องเลือกใส่เสื้อทับใน และมักจะเห็นห่วงเข็มขัดกางเกงให้รกตา มันจึงดีไม่น้อย ถ้าเอวกางเกงวินเทจสามารถปรับได้ด้วย ‘ห่วงปรับไซส์ข้างขอบเอว (The Metal Side Adjuster)’ หรือจะเลือกกางเกงวินเทจที่เป็น ‘กระดุมปรับไซส์ (The Button Side Adjuster)’ ก็ตอบโจทย์สุดๆ จะได้ไม่ต้องขัดใจกับห่วงเข็มขัดเวลาใส่เสื้อทับใน

จับจีบให้กางเกงวินเทจ
หนุ่มๆ บางคนอาจคิดว่า กางเกงวินเทจที่จับจีบใส่แล้วทำให้ดูแก่เป็นตาลุง แต่จริงๆ แล้วความคมของจีบบนกางเกงจะทำให้การใส่กางเกงวินเทจของคุณสมาร์ทมากกว่าเดิม

เริ่มจาก ‘กางเกงวินเทจจีบเดียว’ ยาวตรงลงมาจนสุดปลายขา ที่กลายเป็นกิมมิกของกางเกงวินเทจไปแล้ว เพราะเพิ่มกลิ่นอายความวินเทจให้กับการแต่งตัว แถมยังดูเป็นหนุ่มแฟชั่นสายฮิปสเตอร์ และปิดท้ายด้วย ‘กางเกงวินเทจสองจีบ’ ที่จะช่วยให้คุณใส่กางเกงวินเทจแล้วขยับตัวได้คล่องขึ้น

อ่านมาถึงตรงนี้ หนุ่มๆ คนไหนเป็นสายวินเทจ ก็คงจะมีกางเกงวินเทจติดตู้กันหลายสิบตัวแต่ถ้าหนุ่มคนไหนไม่เคยลองใส่กางเกงวินเทจ เราแนะนำให้เปิดใจ ลองซื้อกางเกงวินเทจมาปรับให้เข้ากับลุคคุณ รับรองว่าจะกลายเป็นหนุ่มเท่ๆ เก๋าๆ ผสมกลิ่นอายความคลาสสิกอย่างมีเสน่ห์

สูท 2 กระดุม อีกหนึ่งไทป์ของสูทสำหรับคุณผู้ชาย ที่มีให้เลือกใส่กันหลากหลายสไตล์สูท แต่ก็ใช่ว่าผู้ชายทุกคนจะเหมาะกับสูท 2 กระดุมเสมอไป SUITCUBE เลยมีข้อมูล ‘สูท 2 กระดุม’ ฉบับย่อ มาส่งต่อให้คุณผู้ชาย หรือสาวๆ เก็บข้อมูลไว้ให้คนรู้ใจ ว่าสูท 2 กระดุมเหมาะกับผู้ชายหุ่นแบบไหน แล้วต้องติดกระดุมอย่างไรให้ถูกต้อง และเป๊ะตามหลักสากล

คุณผู้ชายหุ่นผอมสูง ต้องมุ่งหาสูท 2 กระดุม

สำหรับหนุ่มๆ ที่มีรูปร่างผอม และสูง สิ่งที่ควรจำและต้องรู้เลยคือควรเลือกสูท 2 กระดุมทุกครั้งที่ต้องใส่สูท เพราะสูท 2 กระดุมจะช่วยเพิ่มความเต็มและแน่นให้ช่วงตัว เสริมให้หุ่นที่ผอมสูงจนบางครั้งใส่สูทแล้วดูไม่สมาร์ท กลายเป็นคุณผู้ชายรูปร่างดีได้ด้วยสูท 2 กระดุม

ติดกระดุมให้เป๊ะตามหลักสากล

เห็นสูท 2 กระดุมมีกระดุม 2 เม็ดติดอยู่ที่เสื้อสูท ก็อย่าเพิ่งเข้าใจไปว่าต้องติดให้ครบทั้งสองเม็ด ตามหลักแล้วเมื่อใส่สูท 2 กระดุมไปงานไม่ว่าจะงานที่เป็นทางการหรืองานลำลอง กฎเหล็กที่ต้องจำไว้เลยก็คือจะติดเฉพาะกระดุมเม็ดบนเท่านั้น!! ซึ่งเป็นหลักสากลในการติดกระดุมสูทที่เขาปฏิบัติทั่วโลก และควรปลดกระดุมสูททุกครั้งที่นั่งเพื่อจะได้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ถ้าเป็นงานชิลๆ ต้องการความเป็นกันเองก็สามารถอนุโลมปลดกระดุมสูทได้ทั้งตอนนั่งและตอนเดินแต่ต้องคำนึงถึงกาลเทศะของงานที่จะไปกันด้วยนะ

ใส่สูท 2 กระดุมอย่างไรให้ดูดี

ปิดท้ายด้วยทริคเล็กๆ เมื่อคิดจะใส่สูท 2 กระดุม นั่นคือการเลือกลวดลายของสูทนั่นเอง หากคุณไปงานที่ไม่ได้ทางการจนเกินไป แนะนำให้เลือกสูท 2 กระดุมลายตาราง หรือลายทางมาใส่แทนสูท 2 กระดุมที่เป็นสีเดียวกัน เพราะลวดลายของสูทจะช่วยอัพไซส์เพิ่มความตัวใหญ่ให้หนุ่มๆ สำหรับกางเกง ควรเลือกทรงพอดีตัว ไม่ฟิตเกินไปจนโชว์รูปร่างที่ผอมบาง หรือโคร่งเกิดเหตุจนเหมือนใส่กางเกงพ่อ ซึ่งเวลาไปลองกางเกง หนุ่มๆ ก็ควรใส่เสื้อด้านใน สูท 2 กระดุม และรองเท้าให้ครบเซ็ท จะได้เช็คให้รู้ว่ากางเกงแบบนี้เหมาะกับหุ่นผอม และสูงของเราหรือเปล่า

สูทเช่าผู้ชาย ที่ใครหลายคนอาจคิดว่าคุ้ม ไม่ต้องไปซื้อสูทสำเร็จรูป หรือสั่งตัดสูทชุดใหม่ให้เสียเวลาก็ได้ ถ้าคุณเป็นหนึ่งคนที่คิดแบบนี้ เราขอบอกว่าคุณกำลัง คิดผิด !

มีงานเข้ามาทั้งที ไม่ว่าจะงานสำคัญ มีประชุม หรืองานเลี้ยงสังสรรค์ ที่ต้องหยิบชุดสูทมาใส่ เรารู้ว่าคุณเคยคิดไม่ตก ว่าจะเช่าสูท ซื้อสูทสำเร็จรูป หรือสั่งตัดสูทใหม่ดี ? แน่นอนว่า มีหนุ่มๆ จำนวนไม่น้อยที่จะนึกถึงสูทเช่าผู้ชายเป็นอันดับแรก เพราะสูทเช่าผู้ชายมักมีราคาถูกกว่า บางคนใส่แค่แปบเดียวก็คืน เลยไม่จำเป็นต้องซื้อหรือตัดให้วุ่นวาย จึงเลือกสูทเช่าผู้ชายเอาแล้วกัน

ถ้าคุณเป็นหนึ่งคนที่คิดแบบนั้น ลบความคิดนี้ไปซะ ! แล้วมาอ่านบทความต่อจากนี้ จะได้รู้ว่า การซื้อสูทสำเร็จหรือสั่งตัดสูท คุ้มกว่า การเลือกสูทเช่าผู้ชาย อย่างแน่นอน

คุ้มที่ 1 : ลงทุนรอบเดียวใส่ได้หลายครั้ง

สูทเช่าผู้ชาย อาจจะมีราคาถูกกว่าการซื้อหรือสั่งตัดชุดสูทก็จริง แต่เชื่อเถอะว่า เม็ดเงินที่เรายอมจ่ายเพื่อซื้อหรือสั่งตัดจะทำให้เรามีสูทคุณภาพดีที่สามารถหยิบมาใส่กี่ครั้งก็ได้ และไม่จำเป็นต้องใส่เป็นสูททางการเสมอไป เรายังสามารถเอาสูทไปมิกซ์แอนด์แมทช์กับสไตล์ที่ใช่ ในวันชิลล์ๆ ได้อีกด้วย  แน่นอนว่าข้อนี้ สูทเช่าผู้ชายให้ไม่ได้ เพราะใส่เสร็จก็ต้องรีบเอาไปคืนตามวันที่กำหนด

คุ้มที่ 2 : วัดไซส์ได้เป๊ะ

ข้อนี้คือสุดยอดความคุ้มของการซื้อหรือสั่งตัดสูทใหม่ เพราะเราสามารถวัดไซส์ตามรูปร่างของเราได้ โดยไม่ต้องไปเสียเวลาหา สูทเช่าผู้ชาย ที่มีขนาดพอดีให้ปวดหัว อย่างถ้าเลือกซื้อสูทสำเร็จใหม่ ช่วงแขนยาวเกินไป หรือขากางเกงที่ใส่คู่ไม่พอดี ก็แจ้งให้ช่างที่ร้านปรับแก้ได้ ส่วนสั่งตัดสูทใหม่ยิ่งคุ้มกว่าใคร เพราะจะมีช่างคอยวัดไซส์ให้ทุกสัดส่วน กลายเป็นสูทที่ตัดมาเพื่อคุณและคุณเท่านั้น แถมยังสามารถเลือกเนื้อผ้า หรือดีเทลต่างๆที่จะใช้ได้อีกด้วย

คุ้มที่ 3 : ออกแบบได้ตามใจ

เมื่อสั่งตัดสูทใหม่ จะเลือกสไตล์ไหน แพทเทิร์นอะไร หรืออยากให้มีซับในเต็มตัว ครึ่งตัวก็ย่อมได้ เพราะเราคือผู้ออกแบบชุดสูทด้วยตัวเราเอง แต่ถ้าไปเลือกสูทเช่าผู้ชาย อาจจะเจอที่ตัวนี้แบบสวย แต่ผ้าไม่ถูกใจ หรือสูทเช่าผู้ชายบางชุดผ้าดีมากๆ แต่ซับในดันเต็มตัวคงใส่ออกงานเอาท์ดอร์ไม่ไหว เพราะฉะนั้นถ้าจะเอาที่ ‘แบบนี้ใช่เลย’ ก็คงต้องยกให้สูทสั่งตัดมากกว่าสูทเช่าผู้ชายแล้วล่ะ

คุ้มที่ 4 : ไม่ต้องเสียเวลาหาสูทเช่าผู้ชาย

เคยเป็นไหม จะหาสูทเช่าผู้ชายที่ถูกใจสักชุด ต้องตระเวนขับรถหาเป็นสิบๆ ร้าน จนเสียเวลา เสียพลังงาน แถมยังเสียอารมณ์ เพราะหงุดหงิดที่หาสูทเช่าผู้ชายไม่ได้สักที แต่ถ้าหันมาซื้อสูทสำเร็จ หรือสั่งตัดสูทใหม่ ก็แค่ไปที่ร้านสูทคุณภาพดี แล้วเลือกชุดที่ถูกใจก็เรียบร้อย หรือจะมาหาเราชาว SUITCUBE ก็ได้ เพราะมีบริการครบทั้งสูทสำเร็จรูป ที่ปรับแก้ความยาวได้ตามที่คุณแจ้ง หรือจะสั่งตัดสูทใหม่ ทาง SUITCUBE ก็มีทีมงานคุณภาพคอยวัดตัว แนะนำแบบที่เหมาะสมกับคุณและงาน ไปจนถึงดูแลหลังตัดสูทเสร็จให้อีกด้วย

เจอเข้าไป 4 คุ้มขนาดนี้ โบกมือลาสูทเช่าผู้ชาย แล้วหันมาซื้อสูทสำเร็จรูป หรือสั่งตัดสูทใหม่กันเถอะ !

สูทขี่มอเตอร์ไซค์ สไตล์ไบเกอร์ ขึ้นต้นมาด้วยประโยคนี้หลายคนอาจจะมึนงง ว่าไบเกอร์ที่ไหนจะใส่สูทขี่มอเตอร์ไซค์กัน ? เรารับรองว่ามีอย่างแน่นอน กับแก๊งไบเกอร์ที่งาน ‘The Distinguished Gentleman’s Ride’ (เดอะ ดิสธิงกวิช เจนเทิลแมน ไรด์)

‘The Distinguished Gentleman’s Ride’ คืองานอะไร ?

งาน ‘The Distinguished Gentleman’s Ride’ (เดอะ ดิสธิงกวิช เจนเทิลแมน ไรด์) หรือเรียกง่ายๆ ว่า DGR (ดีจีอาร์) คืองานรวมตัวของชาวไบเกอร์ แล้วใส่สูทขี่มอเตอร์ไซค์คลาสสิกรอบเมือง เพื่อรณรงค์เรื่องสุขภาพของผู้ชายโดยเฉพาะ มุ่งเน้นการสนับสนุนสถาบันหรือกองทุนวิจัยเรื่องมะเร็งต่อมลูกหมาก สุขภาพจิต รวมถึงโรคร้ายที่จะเกิดกับผู้ชายทั่วโลก ซึ่งงานนี้จัดมาตั้งแต่ปี 2012 ที่ประเทศออสเตรเลีย โดย ‘Mark Hawwa’ ชายหนุ่มผู้หลงใหลการขี่มอเตอร์ไซค์ จัดต่อเนื่องจนกระจายไปหลายประเทศทั่วโลก และกรุงเทพฯ บ้านเราก็ไม่พลาดจัดเป็นครั้งที่ 7 กับงาน ‘The Distinguished Gentleman’s Ride 2019 in Bangkok’ ในวันที่ 29 กันยายน 2562 นี้

ทำไมไบเกอร์ที่งาน DGR ต้องใส่สูท ?

สาเหตุที่เหล่า ไบเกอร์ใส่สูทขี่มอเตอร์ไซค์สูทขี่มอเตอร์ไซค์ คลาสสิกที่งาน DGR มาจาก Mark Hawwa คนเริ่มโปรเจกต์เท่ๆ นี้ ได้แรงบันดาลใจจากซีรีส์อเมริกันชื่อดัง ‘Mad Men’  ที่พระเอกของเรื่องอย่าง Don Draper ใส่ชุดสูทหล่อเนี้ยบนั่งคร่อมอยู่บนมอเตอร์ไซค์คลาสสิก ลุคไบเกอร์ใส่สูทของพระเอกจึงกลายเป็นสิ่งที่เขาอยากหยิบไปสร้างภาพลักษณ์ใหม่ของแก๊งนักบิด ให้ดูดีขึ้นด้วยการใส่สูทเนี้ยบๆ กลายเป็นสุภาพบุรุษนักซิ่ง แก๊งไบเกอร์ใส่สูทลุคเท่ที่พร้อมช่วยเหลือสังคม

เลือกสูทสำหรับไบเกอร์ยังไงดี ?

ไม่ใช่สูททุกสไตล์ที่จะเหมาะกับเหล่าไบเกอร์ โดยเฉพาะบ้านเราที่เหล่าไบเกอร์ใส่สูทในงาน The Distinguished Gentleman’s Ride ต้องขี่มอเตอร์ไซค์ท่ามกลางแสงแดด ดังนั้นสูทที่เลือกใส่ จะต้องใส่สบาย คล่องตัว และไม่ร้อน เราเลยมีวิธีเลือกสูทมาให้เหล่าไบเกอร์ใส่สูทอ่านเตรียมพร้อม

– ไบเกอร์ใส่สูทต้อง ‘สูทผ้ายืด’ :  ด้วยคุณสมบัติของสูทผ้ายืดที่ตัดเย็บจากผ้าวูลผสมผ้าสแปนเดกซ์ หรือ Lycra ที่ไม่ฟิตกับตัวมากเกินไป แถมยังขยับยืดหยุ่นได้ตามรูปร่างและการเคลื่นไหว จึงตอบโจทย์มากๆ กับขาซิ่ง เพราะเหล่าไบเกอร์ใส่สูทจะได้ขยับตัวคล่องแคล่วมากขึ้นเมื่อคร่อมมอเตอร์ไซค์

– ไบเกอร์ใส่สูทต้อง ‘ซับในสูทครึ่งตัว’ :  เพื่อช่วยให้เสื้อสูทยังคงมีน้ำหนักและอยู่ทรง บิดแรงท้าลมแค่ไหนก็ไม่หวั่น แต่ในขณะเดียวกันก็ระบายอากาศได้ดี ใส่แล้วร้อนน้อยกว่าสูทที่มีซับในเต็มตัว

🔥ได้รู้เรื่องราวเกี่ยวกับงาน ‘The Distinguished Gentleman’s Ride’ พร้อมวิธีการเลือกสูทสำหรับไบเกอร์ไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งทาง SUITCUBE ก็ไม่พลาดเอาใจหนุ่มสายบิด ด้วยสูทที่เรียกได้ว่าเหมาะสำหรับไบเกอร์สุดๆมาบริการ เป็นสูทสั่งตัดจากผ้ารุ่น ” FREEDOM ” (Wool 70% ผสม Lycra) สุดพิเศษ ที่ตัวผ้ามีความยืดหยุ่นสูง ผ้านิ่ม ส่วมใส่สบาย และระบายอากาศได้ดี สามารถขยับท่วงท่าได้อย่างคล่องตัว ไม่ว่าบิดท่าไหนก็มั่นใจไม่มีปริอย่างแน่นอน 

🔥สั่งตัดสูทด้วยผ้า ” FREEDOM ” ที่ SUITCUBE วันนี้ รับไปเลยส่วนลดสุดพิเศษ!! จากราคาปกติ 9,500 บาทเหลือเพียง 8,000 บาทเท่านั้น!!! เพียงแค่แสดงคอนเทนต์นี้ #SUITCUBExGDRBANGKOK2019 ต่อพนักงานหน้าร้านก็รับไปเลยส่วนลดฟรีๆ ให้ไปหล่อกับชุดสูทสั่งตัดเท่ๆสไตล์นักบิด รีบไปหล่อได้ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 15 กันยายน 62

🔥เอาล่ะ ! คนพร้อม สูทพร้อม ก็อย่าลืมมาเป็นแก๊งไบเกอร์ใส่สูทพร้อมกันที่ ‘The Distinguished Gentleman’s Ride 2019 in Thailand’ ในวันที่ 29 กันยายน 2562 นี้นะคะ

รายละเอียดเพื่มเติมเกี่ยวกับงาน : https://www.facebook.com/events/triumph-praram9/the-distinguished-gentlemans-ride-2019-in-bangkok/312252333002187/

เข็มขัดหนัง เครื่องประดับชิ้นสำคัญที่มักถูกมองข้ามเสมอ บางคนคิดว่าเข็มขัดหนังเส้นหนึ่ง จะนำมาใส่คู่กับอะไรก็ได้ แต่จริงๆ แล้วเข็มขัดหนังมีดีเทลที่น่าสนใจมากกว่านั้น อย่างการเลือกเข็มขัดหนังก็มีกฎเหล็กว่า ‘ต้องแมทช์ให้เข้ากันกับรองเท้าหนัง’ เหตุผลที่ต้องจับคู่สองไอเท็มนี้ไว้ด้วยกันคืออะไร ? มาหาคำตอบไปพร้อมกันได้เลย !

ทุกครั้งที่หนุ่มเล็ก หนุ่มใหญ่ต้องหยิบชุดสูทมาใส่ออกงานสำคัญ เข็มขัดหนัง ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ไม่ควรลืมหยิบมาใส่คู่กับชุดสูทตัวเก่งของคุณ เพราะความคลาสสิก และดูมีราคาของหนังจะยิ่งเพิ่มเสน่ห์ความสมาร์ทให้การใส่สูทมากยิ่งขึ้น ซึ่งการจะเลือกซื้อเข็มขัดหนังสักเส้น อันดับแรกเลยจำเป็นต้องเลือกให้เหมาะกับรูปร่างตัวผู้ใส่เอง  นั่นหมายถึง เข็มขัดหนังต้องยาวกว่ารอบเอวประมาณ 2 – 3 นิ้ว สามารถสอดเข้าไปจนถึงรูที่สามของเข็มขัดได้ เพื่อเวลาลุกนั่งจะได้ไม่รัดแน่นเกินไปจนไม่สบายตัว และตัวเข็มขัดหนังควรกว้างประมาณ 1 – 1.5 นิ้ว ไม่ควรเลือกเส้นใหญ่เกินไป เพราะจะกลายเป็นว่า เข็มขัดหนังที่ใส่มาจะดูโดดเด่นและสะดุดตามากกว่าสูทซะอย่างนั้น

นอกจากนี้ สีของเข็มขัดหนังนั้นควรเลือกให้ไปทางเดียวกันกับสีของสูท เช่น ถ้าสีสูทเข้ม เข็มขัดหนังที่เลือกก็ควรเป็นเฉดสีเข้มเหมือนกัน และหัวเข็มขัดก็ต้องเข้ากันกับเครื่องประดับที่เลือกมาใส่ อย่างหนุ่มคนไหนชอบใส่นาฬิกาโลหะ หัวเข็มขัดก็ควรเป็นโลหะ หรือถ้าใครเลือกจะใส่เข็มขัดหนังแล้ว ก็ควรมีเครื่องประดับสักชิ้นที่ทำมาจากวัสดุหนังเช่นกัน

มาถึงข้อสำคัญที่ต้องจำให้ขึ้นใจว่า การใส่เข็มขัดหนัง ต้องแมทช์กับ ‘รองเท้าหนัง’ ที่เลือกใส่ด้วย หลักการง่ายๆ คือสีของเข็มขัดหนังควรเป็นสีเดียวกันกับรองเท้าหนัง เพื่อคุมโทนสีการแต่งตัวให้ดูกลมกลืนไมทั้งตัว หรือถ้าหาไม่ได้ อย่างน้อยก็เลือกให้อยู่ในเฉดสีเดียวกัน เช่น เข็มขัดหนังสีน้ำตาลเข้ม รองเท้าก็ควรเป็นรองเท้าหนังโทนสีน้ำตาลเข้ม เข็มขัดหนังสีดำ ก็ควรใส่คู่กับรองเท้าหนังโทนสีดำ อย่าพลาดจับคู่เข็มขัดหนังสีน้ำตาล กับรองเท้าสีดำโดยเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นจะหมดหล่อโดยไม่รู้ตัว

เปิดตัวกันไปเป็นที่เรียบร้อยในปีนี้สำหรับงานกุศลครั้งยิ่งใหญ่ของชาวไบเกอร์ “The Distinguished Gentleman’s Ride 2019” ซึ่งแถลงข่าวกันที่โชว์รูม Triumph วิภาวดี รังสิต บรรยากาศดำเนินไปอย่างเป็นกันเองและอบอุ่นอย่างมาก ซึ่งเป็นการรวมตัวแบรนด์มอเตอร์ไซต์ชั้นนำไม่ว่าจะเป็น Triumph, Harley Davison, Mv Agusta, Royal Enfield และอีกหลากหลายแบรนด์ โดย คุณดอม เหตระกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท มอเตอร์ไซเคิล คิงดอม จำกัด เป็นแม่ทัพใหญ่จัดงานสำหรับ DGRBangkok ของเรา

จุดประสงค์หลักของงานก็เพื่อการกุศลให้เหล่านักบิดร่วมบริจาคเงินให้กับมูลนิธิ Movember ที่รณรงค์และสนับสนุนงานวิจัยเกี่ยวกับมะเร็งต่อมลูกหมากและยังมีเจตนาที่ช่วยปรับภาพลักษณ์ให้ไปในทิศทางเชิงบวกมากขึ้นในสายตาคนทั่วไปอีกด้วย

ซึ่งกิจกรรมนี้ได้รับการสนับสนุนจากบริษัทชั้นนำมากมายไม่ว่าจะ Heineken 0.0, น้ำมันเครื่อง Eif, CP รวมถึงทาง SUITCUBE เองได้ร่วมสนับสนุนเข้ามาเติมสีสันในการแต่งตัวของเหล่าไบเกอร์ภายใต้คอนเซ็ปต์ของทรีมงานที่ลงตัวและได้รับเกียรติวัดตัวพร้อมตัดกั๊กสุดแนวให้กับพี่ดอม เหตระกูล ผู้จัดงาน

โดยกิจกรรมการกุศลนี้จะจัดขึ้นพร้อมกันทั่วโลกในวันอาทิตย์ที่ 29 กันยายน 2562 ในส่วนของทางกรุงเทพนั้น เหล่าไบเกอร์มากมายจะไปเจอกันที่ Crystal Design Center (CDC) เลียบด่วนรามอินทรา แล้วมาร่วมทำบุญ ซิ้ง และเต้นรำไปกับงาน The Distinguished Gentleman’s Ride แล้วพบกัน

ลายผ้าตัดสูท ทุกลวดลายนั้นมีความหมาย และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวซ่อนอยู่ ซึ่งบางครั้งจะหยิบจับผ้าสักลายมาตัดสูท หนุ่มๆ บางคนอาจลังเลใจ ยังไม่รู้ว่าคือลายอะไร ตัดสูทออกมาแล้วจะดูดีหรือไม่ SUITCUBE จึงไม่พลาดนำ 9 ลายผ้าตัดสูทที่คุณผู้ชายควรรู้มาเล่าสู่กันฟัง

Gingham
ลายผ้าตัดสูท Gingham ที่เป็นแพทเทิร์นประจำชาติอเมริกันนั้น จริงๆ นั้นแล้วถูกค้นพบที่แถบเอเชียในประเทศมาเลเซีย อินโดนีเซีย และอินเดีย ก่อนที่จะถูกส่งออกในช่วง ค.ศ.1600 ลายผ้าตัดสูท ‘Gingham’ เป็นลายตารางสุดแสนจะมินิมอล มีลวดลายง่ายๆ จากการหยิบเส้นตรงมาคาดตัดกันบนพื้นสีที่อ่อนกว่า ซึ่งเมื่อนำมาตัดสูทจะให้กลิ่นอายแบบหนุ่มยุคเก่า วินเทจนิดๆ แฟชั่นหน่อยๆ ถ้าหากรู้สึกเขินที่จะใส่เป็นชุดสูทลาย ‘Gingham’ ทั้งชุด ลอง Mix คู่กับกางเกงสีเรียบดู คุณก็จะได้อีกลุคที่ดูผ่อนคลายมากขึ้นอีกด้วย

Tartan
ลายผ้าตัดสูทต่อมาคือ ‘Tartan’ หรือเรียกให้เข้าใจง่ายว่า ลายสก็อต ลายผ้าตัดสูทชิ้นนี้เกิดจากการถักทอแบบไขว้ลวดลายไปมา จนมีลักษณะคล้ายกับตารางหมากรุก โดยผ้าลาย Tartan คนอเมริกันจะเรียกว่า Plaid ส่วนชาวอังกฤษเเละชาวสก็อตนั้นจะเรียกว่า Tartan หรือ Checked ที่แปลว่าลายหมากรุกนั่นเอง จริงๆแล้วผ้าลาย ‘Tartan’ สามารถให้ลุคที่ดูสุภาพได้เหมือนกันเพียงแค่คุณเลือกโทนสีเข้มขึ้นมาหน่อย อย่างสีเขียวเข้มตัดกับสีกรม นอกจากจะดูดีแล้วยังเพิ่มเสน่ห์ให้กับตัวคุณอีกด้วย

Herringbone
ลายผ้าตัดสูท Herringbone หรือลายก้างปลา เกิดจากการทอเส้นตรงให้ทแยงสลับกันเป็นช่อง โดยใช้สีเข้มและสีอ่อนสร้างลวดลายเป็นตัว V ซึ่งเป็นลายผ้าตัดสูทที่ให้ความรู้สึกน่าเชื่อถือ แต่ก็แฝงไว้ด้วยความคลาสสิกน่ามอง เรียกได้ว่าเป็นลายระดับพรีเมียมที่เพิ่มรสนิยมให้กับคุณผู้ชาย เมื่อนำมาตัดสูทแล้วยิ่งเสริมลุคให้ดูดี ดูน่าเชื่อถือ เหมาะกับหนุ่มมาดนักธุรกิจ หรือหนุ่มๆที่ต้องทำงานพบปะผู้ใหญ่อยู่บ่อยๆ

Houndstooth
Houndstooth คือลายผ้าตัดสูทที่มองดูแล้วคล้ายกับลายตารางหมากรุก แต่มีลูกเล่นซุกซ่อนอยู่มากกว่านั้น นั่นคือการทอให้ช่องถี่จนเกิดเหลี่ยมมุมในแนวทแยงขนาดเล็ก มีความขี้เล่นขึ้นมา จึงเป็นลายผ้าตัดสูทที่เหมาะกับสูทสไตล์ลำลองเสียมากกว่า

Chalk Stripe, Pin Stripe
ถัดมาเป็น Chalk Stripe, Pin Stripe หรือผ้าตัดสูทลายทาง หนึ่งในลายผ้าตัดสูทยอดฮิตที่ไม่ควรพลาด เพราะลายเส้นมีกิมมิกเหมือนการใช้ชอล์กขีด ทำให้มีความโดดเด่น เป็นลายที่มีความน้อยแต่มาก ดูทางการจากความเรียบ ในขณะเดียวกันก็ดูดีมีคลาส นอกจากนี้ ยังเป็นลายผ้าตัดสูทที่ใช้ได้หลายโอกาสสำคัญอีกด้วย

Windowpane
ลายตารางใหญ่ อย่าง ‘Windowpane’ คืออีกหนึ่งลายผ้าตัดสูทที่ควรรู้จัก เป็นลายตารางที่เส้นขอบเห็นชัดดูโดดเด่น ซึ่งเป็นลายผ้าตัดสูทยอดนิยมในยุค 80 ความน่าสนใจของลายผ้าตัดสูทนี้ คือลูกเล่นเล็กๆ น้อยๆ จากการเลือกสีผ้า และสีเส้นขอบที่ตัดกัน เพื่อช่วยเพิ่มมิติให้กับชุดสูท นอกจากนี้ ลายผ้าตัดสูท Windowpane ยังได้รับการยอมรับในแวดวงแฟชั่น ว่าเมื่อนำไปตัดสูทแล้ว จะช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้คุณดูดีมีสไตล์ไม่เหมือนใคร

Glen Check
‘Glen Check’ คือลายผ้าตัดสูทที่มีความโดดเด่นด้วยการทอผ้าสลับลายตาราง เป็นลายผ้าที่ให้กลิ่นอายของหนุ่มอังกฤษเล็กๆ ช่วยเพิ่มความสมาร์ท ทั้งยังเป็นลายผ้าตัดสูทที่ใส่ได้หลายโอกาสตั้งแต่งานสังสรรค์ ไปจนถึงนัดประชุมสำคัญเลยทีเดียว

Prince of Wales
ลายตารางสุดคลาสสิกสไตล์ลายผ้าตัดสูท ‘Prince of Wales’ คือลายที่ส่วนมากจะใช้สีดำ เทา และขาว ถ้ามองแบบใกล้อย่างละเอียด จะเห็นลักษณะของลายที่ทอเป็นแถวเล็กๆ ด้วยสีอ่อนสลับเข็มแบบถี่ๆ เรียงกันจนกลายเป็นเส้นตัด สำหรับผ้าลายตัดสูทชิ้นนี้ ใครอยากได้ลุคเท่แบบดั้งเดิม เราแนะนำให้เลือกสีเทานะ

Bird’s Eye
ปิดท้ายด้วยลายผ้าตัดสูท ‘Bird’s Eye’ ซึ่งเป็นลายจุดเล็กจิ๋ว เหมือนมุมที่นกมองลงมา ซึ่งลายนี้เป็นลายที่ดูมีลูกเล่นมากที่สุด แต่ก็ยังได้ลุคสุภาพและเป็นทางการ

ได้ทำความรู้จักลายผ้าสูทกันมาพอสมควร คราวนี้หากต้องตัดสูทสักชุดคงมีไอเดียในการเลือกผ้าสูทกันมากขึ้นแน่ๆ ที่ SUITCUBE ของเราแน่นอนว่ามีลายผ้าสูทมากมายหลากหลายให้ลูกค้าได้เลือกสรร ที่สำคัญเป็นผ้าที่มีคุณภาพดี สวมใส่สบาย ขั้นตอนการสั่งตัดก็เนี้ยบ ประณีตทุกรายละเอียด รับประกันได้เลยว่าชุดสูทของ SUITCUBE จะกลายเป็นชุดสูทตัวเก่งในใจคุณอย่างแน่นอน

ชุดปกติขาว คือเครื่องแบบราชการที่เรามักเห็นตามงานพิธีสำคัญอยู่เสมอ ซึ่งชุดปกติขาวจะมีทั้งของผู้ชาย และผู้หญิง ทั้งชุดจะใช้เนื้อผ้าสีขาวสะอาดเหมือนกัน แต่ต่างกันที่รูปแบบและเครื่องหมายที่ติดกับชุด และถึงแม้ว่า เราจะเห็นชุดปกติขาวผ่านตากันบ่อยครั้ง แต่เชื่อว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะเข้าใจรูปแบบได้อย่างถูกต้องครบถ้วน SUITCUBE จึงขอช่วยไขข้อสงสัย ชวนเปิดข้อมูลฉบับย่อของ ‘ ชุดปกติขาว ’ ว่ารูปแบบที่ถูกต้อง และเครื่องหมายที่ใช้กันนั้นเป็นอย่างไร

รูปแบบที่ถูกต้องของ ชุดปกติขาว

– รูปแบบสำหรับผู้ชาย –

ชุดปกติขาว สำหรับผู้ชาย ให้เลือกเสื้อราชการคอปิดสีขาวแขนยาว มีกระเป๋า พร้อมใบปกกระเป๋าที่อกเสื้อทั้งสองข้าง ใส่คู่กับกางเกงขายาวสีขาวเช่นกัน กระดุมที่ใช้ต้องเป็นกระดุมโลหะสีทองตราครุฑพ่าห์ขนาดใหญ่ 5 เม็ด ใส่คู่กับถุงเท้าสีดำ และรองเท้าหนังหุ้มส้นสีดำ

– รูปแบบสำหรับผู้หญิง –

สำหรับชุดปกติขาวของผู้หญิงนั้น จะมีดีเทลที่เสื้อมากกว่า เริ่มจากเสื้อชั้นนอก ให้เลือกเสื้อคอแบะสีขาวแบบคอแหลมหรือคอป้าน แขนยาวถึงข้อมือ รวมถึงต้องมีตะเข็บหลัง 4 ตะเข็บ ถัดมาเป็นเสื้อข้างใน ให้เลือกเสื้อคอพับแขนยาวสีขาว ผูกผ้าผูกคอสีดำเงื่อนกะลาสี เสื้อชั้นนอกคอแหลมต้องติดกระดุมโลหะสีทองตราครุฑพ่าห์ ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1.5 เซนติเมตร 3 เม็ด และสำหรับเสื้อชั้นนอกคอป้านต้องมีกระดุม 5 เม็ด มีกระเป๋าล่างลักษณะเจาะเฉียงเล็กน้อย และไม่มีใบปกกระเป๋าข้างละ 1 กระเป๋า ใส่คู่กับกระโปรงสีขาวยาวคลุมเข่า ถุงน่องหรือถุงเท้ายาวสีเนื้อ ปิดจบด้วยรองเท้าหนังหุ้มส้น

เช็กลิสต์เครื่องหมายติด ชุดปกติขาว
เครื่องหมายติดชุดปกติขาวมีอยู่ด้วยกัน 4 เครื่องหมายหลัก คือ

• เครื่องราชอิสริยาภรณ์ : ทำจากผ้าแพรแถบ ไม่มีพลาสติกหุ้ม ซึ่งผู้ที่ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ทั้งผู้ชาย และผู้หญิงให้ประดับแพรแถบเครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่อกเสื้อเหนือกระเป๋าบนซ้ายประมาณ 0.5 เซนติเมตร
• เครื่องหมายอินทนู : แทบสีทองกว้าง 1 เซนติเมตร มีลักษณะเป็นช่อชัยพฤกษ์ 3 ดอก ปักด้วยดิ้นสีทอง ซึ่งของผู้ชายจะมีขนาดใหญ่ และของผู้หญิงจะมีขนาดเล็ก
• เครื่องหมายสังกัด : โลหะโปร่งสีทองรูปตราราชสีห์ (ห้ามเคลือบพลาสติก) ทั้งผู้ชายและผู้หญิงให้ติดที่ปกคอเสื้อด้านหน้าทั้งสองข้าง แตกต่างกันที่เครื่องหมายสังกัดของผู้ชายจะมีขนาดใหญ่กว่าของผู้หญิง
• กระดุมครุฑ : มีลักษณะเหมือนกันทุกกระทรวง ทำด้วยโลหะสีทองเป็นรูปครุฑ

นอกจากชุดปกติขาวแล้ว ยังมี ‘ชุดปกติขาวเต็มยศ’ รูปแบบเหมือนชุดปกติขาว แต่เปลี่ยนกางเกงและกระโปรงเป็นสีดำ ประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ และสวมสายสะพาย (หากมี) มักใช้กับพระราชพิธีเปิดสมัยประชุมรัฐสภา พระราชพิธีถวายผ้าพระกฐิน พระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา พระราชพิธีฉัตรมงคล และงานสโมสรสันนิบาต ทําเนียบรัฐบาล รวมถึงยังมี ‘ชุดปกติขาวครึ่งยศ’ ที่มีรูปแบบเหมือนกับชุดปกติขาวเต็มยศ ต่างกันแค่ไม่มีสายสะพาย ส่วนมากใช้กับงานซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดําเนิน แต่เป็นงานที่มีความสําคัญรองไปจากงานซึ่งต้องแต่งเครื่องแบบเต็มยศนั่นเอง

SUITCUBE ก็ไม่ละเลยเรื่องราวของชุดปกติขาว เพราะนอกจากเราจะมีชุดสูท ready to wear สำหรับพร้อมใส่ และเปิดรับตัดสูท tailor made ที่วัดตามไซส์และความต้องการของคุณโดยเฉพาะแล้ว เรายังเปิดรับตัด ‘ชุดขาวปกติ’ ตัดเย็บอย่างประณีต เนื้อผ้าดี ให้ทั้งคุณผู้ชาย และคุณผู้หญิงที่ทำงานราชการ มาใช้บริการตัดชุดปกติขาวไปใช้งานกัน

สูทเจ้าบ่าว ต้องโดดเด่นที่สุดในบรรดาชุดสูทของหนุ่มๆ ที่มาร่วมงานทั้งหมด ประโยคด้านบนไม่ใช่ประโยคชวนโอเวอร์แต่อย่างใด เพราะงานแต่งงานทั้งที ทุกคนมักจะให้ความสนใจไปกับการแต่งตัวของเจ้าสาวเป็นพิเศษ แต่ในความจริงแล้ว การแต่งตัวของเจ้าบ่าวก็ไม่ควรละเลยเช่นกัน โดยเฉพาะ สูทเจ้าบ่าว ที่ขอบอกด้วยเสียงหนักแน่นเลยว่า ต้องโดดเด่นเกินใครในงาน !

SUITCUBE จึงมี 6 สูตรลับที่จะช่วยให้ สูทเจ้าบ่าว ดูดี เท่ และโดดเด่นที่สุดมาฝากกัน

1.ทักซิโด้คือเดอะเบสท์ชอยส์
ถ้าอยากได้ สูทเจ้าบ่าว ที่สะดุดตาทุกคนในงาน เราขอแนะนำว่า ‘ทักซิโด้’ คือตัวเลือกแรกที่ควรนึกถึง เพราะหนุ่มๆ คนอื่นจะเลือกสวมสูท ดังนั้นหากเจ้าบ่าวอย่างเรา เลือกทักซิโด้ แทนสูทเจ้าบ่าวก็จะเด่นเกินใคร เพราะทักซิโด้มีลักษณะเด่นที่เนื้อผ้าตรงปกเสื้อจะเป็นผ้าซาตินหรือผ้ากํามะหยี่ที่ช่วยเพิ่มความหรูหรา รวมถึงที่ตะเข็บกางเกงยังเย็บขอบด้วยผ้าซาติน ที่สำคัญยังมีหูกระต่าย (Bow tie) เป็นพร็อพเสริมอีกด้วย

2.ดอกไม้สวยสะพรั่ง
เป็นธรรมดาของงานแต่งงาน ที่เจ้าสาวจะถือช่อดอกไม้เป็นพร็อพ ซึ่งเจ้าบ่าวก็สามารถมีดอกไม้เสริมลุคได้เช่นกัน เรากำลังพูดถึงเหล่าดอกไม้ที่ติดอยู่บนสูทเจ้าบ่าว อาจใช้ดอกไม้ตูม ดอกเบอร์รี หรือดอกไม้มีกลิ่นหอม เช่น โรสแมรี่ เพื่อเสริมกิมมิกน่ามองให้กับสูทเจ้าบ่าว

3.เนคไทที่แตกต่าง
สูทเจ้าบ่าวจะโดดเด่นมากขึ้น เพียงเปลี่ยนจากการผูกเนคไทเดิมๆ ที่อาจจะซ้ำกับแก๊งเพื่อนเจ้าบ่าว เป็นเนคไทที่มีลูกเล่น หรือปมผูกที่ใหญ่ขึ้น เช่น การผูกเนคไทสไตล์ Windsor, Eldridge หรือ Ascot นอกจากนี้ การเลือกสี และแพทเทิร์นสุดจ๊าบก็ช่วยเสริมความหล่อ แต่อย่าลืมนัดกับเพื่อนเจ้าบ่าวก่อนล่ะ จะได้ไม่ซ้ำกัน แต่เป็นสไตล์ที่ใกล้เคียงเพื่อคุมธีมงาน

4.เสื้อกั๊กไม่กั๊กความหล่อ
ถ้าแพลนกันไว้แล้วว่าทั้งเจ้าบ่าวและผองเพื่อนจะมาในสไตล์เสื้อกั๊ก เจ้าบ่าวก็ควรจะเลือกสีที่แตกต่างและโดดเด่นมาใส่คู่กับสูทเจ้าบ่าว หรือจะใส่ผ้าคาดเอว (cummerbund ) เพิ่มเติมให้กับสูทเจ้าบ่าวครั้งนี้ก็ดีไม่น้อย
เลือกดูเสื้อกั๊กสำเร็จรูปของ SUITCUBE

5. ใส่ใจรายละเอียดเล็กๆ
อย่ามัวแต่ให้ความสำคัญกับจุดใหญ่ จนลืมสนใจรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ อย่าง ถุงเท้า ปกเสื้อ กระเป๋าเสื้อ ผ้าเช็ดหน้า ไปจนถึงกระดุมข้อมือ (cufflinks) เพราะแค่เลือกใส่ให้ต่าง และมีดีไซน์สุดเนี้ยบก็เพิ่มความน่ามองให้สูทเจ้าบ่าวแล้ว

6.รองเท้าดีมีชัยไปกว่าครึ่ง
ปิดท้ายด้วยการเลือก รองเท้า ที่เหมาะกับสูทเจ้าบ่าว เจ้าบ่าวอาจจะเลือกรองเท้าที่มีสไตล์สุดเท่ เช่น รองเท้าทรง brogue หรืออาจจะเลือกสีที่เป็นเฉดเข็มกว่ารองเท้าเพื่อนเจ้าบ่าวขึ้นมาก็ได้

เพียงทำตาม 6 คำแนะนำที่เราบอกไป รับรองว่า สูทเจ้าบ่าว ที่เจ้าบ่าวเลือกมาสวมใส่นั้น จะโดดเด่นและไม่ซ้ำกับใครในงานอย่างแน่นอน

FounderCast Episode นี้พบกับคุณสน จันทร์ศุภฤกษ์ ผู้ก่อตั้งแบรนด์ชุดสูทสัญชาติไทย SUITCUBE นาทีนี้ไม่มีใครไม่รู้จัก สูทคิวบ์ ร้านสูทที่ต้องการจะส่งมอบเครื่องแต่งกายสุภาพบุรุษในราคาที่คุ้มค่าที่สุดและมีสาขามากที่สุดในประเทศในตอนนี้ ซึ่งยังคงพร้อมที่จะพัฒนาระบบภายในโดยนำเทคโนโลยีเข้ามามาประยุกต์ใช้ในการดำเนินการและภายนอกที่เรียนรู้กลุ่มลูกค้าตลอดเวลาพร้อมกับปรับภาพลักษณ์ให้ตอบโจทย์ลูกค้ามากที่สุด

ใน Podcast นี้ คุณสนจะมาเล่าให้ฟังถึงที่มาและที่ไปของการเปิดร้านสูทสำเร็จรูปแต่แก้ทรงได้ พร้อมกับแนวคิดการบริหารจัดการทีมงานเพื่อให้ลูกค้าพอใจสูงสุด ถ้าคุณเป็นหนึ่งในคนที่ต้องการทำธุรกิจให้บริการเฉพาะทาง ที่ขายทั้งสินค้าและบริการ ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง!

คลิกฟังรายการ

ผ้า Zegna แบรนด์ต้นตำรับผ้าวูลขนแกะที่ถูกยกให้เป็นอีกหนึ่งผ้าตัดสูทคุณภาพดีจนติดอันดับโลก ทั้งยังเป็นเนื้อผ้าคุณภาพพรีเมียมที่ใช้ตัดเย็บเสื้อผ้าสไตล์หรูหราที่มากไปด้วยเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ Zegna จนคว้าใจคุณผู้ชายทั่วโลก

ซึ่งกว่าจะมาเป็นผ้า Zegna ได้นั้น เราขอเล่าย้อนกลับไปช่วงปี ค.ศ. 1910 ‘Ermenegildo Zegna’ คือชื่อชายหนุ่มที่ฝันอยากจะผลิตผ้าที่สวยที่สุดในโลก เขาจึงเปิดโรงงานผลิตผ้าวูล ลานิฟิโซ เซนญา (Lanificio Zegna) ในเมืองทริเวโร (Trivero) ทางตอนเหนือของประเทศอิตาลี โดยใช้วิธีการผลิตแบบครบวงจรในที่เดียว เพื่อควบคุมคุณภาพของเนื้อผ้า มีทั้งฟาร์มแกะเมอริโน (Merino)ในประเทศออสเตรเลีย โรงงานตัดผ้าในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โรงปั่นด้ายในประเทศอิตาลี และร้านขายผ้าเพื่อกระจายสินค้าไปทั่วโลก

ความโดดเด่นของผ้าZegna คือผ้าวูลคุณภาพเยี่ยมที่ทักทอด้วยขนแกะเมอริโนจากประเทศออสเตรเลีย ซึ่งตัวเส้นใยของ ผ้าZegna มีความพิเศษกว่าผ้าวูลขนสัตว์ชนิดอื่น ตรงผิวสัมผัสที่อ่อนนุ่ม ละเอียดลออ มีความยืดหยุ่น ทนทาน และระบายอากาศได้ดี

อีกข้อได้เปรียบของผ้า Zegna คือไม่ยับง่าย ทำให้เมื่อคุณผู้ชายได้สวมใส่สูทที่ตัดจากผ้า Zegna แล้ว หมดกังวลเรื่องเวลานั่งแล้วกางเกงจะเป็นรอย หรืออาจไม่ทันระวังทำเสื้อสูทยับ เพราะความยืดหยุ่นจากขนแกะที่มีคุณภาพ ทำให้ผ้า Zegna คืนตัวกลับมาเรียบได้อีกครั้ง โดยผ้า Zegna มีให้เลือกหลากหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นเส้นใยแกะ 100% หรือเส้นใยผสมกับเส้นไหมแสนหรู ทั้งยังมีขนวิคุนยา (Vicuña) จากทวีปอเมริกาใต้ และขนแคชเมียร์จากอินเนอร์มองโกเลีย (Inner Mongolia) และยังมีผ้าให้เลือกอีกกว่า 400 ชนิด

ขึ้นชื่อว่าเป็นแบรนด์ผ้าตัดสูทติดอันดับโลก แน่นอนว่าต้องมีบริการตัดสูท ซึ่งผ้า Zegna ไม่เพียงแต่มีคุณภาพเท่านั้น แต่แบรนด์ยังหยิบผ้าหลากชนิดไปตัดเย็บเป็นสูท หรือเสื้อผ้าสไตล์หรูหราสำหรับคุณผู้ชาย ตามแบบฉบับของแบรนด์ด้วยช่างมากประสบการณ์ ซึ่งเริ่มต้นขึ้นในปี 1972 ด้วยฝีมือสองทายาทของ Ermenegildo ที่เข้ามารับช่างต่อหลังเขาลาลับโลกนี้ไป โดยเปิดบริการรับตัดชุดสูทแบบ Made to Measure จากนั้นจึงผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูป กระเป๋า รองเท้า และเครื่องประดับตามมา เรียกได้ว่าใส่ใจตั้งแต่ขั้นแรกจนถึงขั้นตอนสุดท้ายเลยทีเดียว จึงไม่แปลกใจที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ ผ้า Zegna ก็ยังคงถูกยกให้เป็นแบรนด์ที่ดีติดอันดับโลกเสมอ

SUITCUBE เพื่อนรู้ใจเรื่องชุดสูทของคุณผู้ชาย ก็ไม่มีพลาดนำผ้าตัดสูทจากแบรนด์ ‘ Zegna ’ มาให้บริการ เพื่อที่จะมอบประสบการณ์สุดพรีเมี่ยมในการแต่งตัวด้วยชุดสูทของผู้ชาย และพร้อมส่งต่อชุดสูทเนื้อดี มีคุณภาพให้สุภาพบุรุษทุกคนได้มีไว้ครอบครอง

หากคุณสวมบทบาทเป็นสาวมั่นแบบวทานิกาในงานเต้นรำ ด้วยสลิปเครสแหวกสูงหรือเดรสตกแต่งด้วยฟรินจ์จากคอลเล็กชั่นพิเศษ VATANIKA x OPPO รับรองว่าทุกสเต็ปเต้นของคุณต้องพลิ้วไหวไปกับท่วงทำนองเพลงแจ๊ส

VATANIKA x OPPO

Vogue Thailand Magazine ฉบับเดือน พฤศจิกายน 2562

Paladino แบรนด์น้องใหม่ที่ขอเป็นผู้ส่งมอบเนื้อผ้าคุณภาพพรีเมียมให้เหล่าหนุ่มๆ สายแฟชั่น Paladino ชวนค้นพบเนื้อผ้าในฝันของหนุ่มยุคใหม่ ที่ให้ความสำคัญกับสไตล์และการแต่งตัว  กับการคัดสรรเนื้อผ้าที่มีสีและดีไซน์สุดอินเทรนด์ แต่แฝงไปด้วยเสน่ห์แบบไร้กาลเวลา

ทุกอย่างของความเป็น Paladino เริ่มต้นจาก ‘ผ้า’   Paladino มีหัวใจสำคัญในการออกแบบผ้าอยู่ไม่กี่ข้อ

ข้อแรกคุณภาพคือสิ่งที่สำคัญที่สุด เพราะผ้าทุกผืนของ Paladino นั้นถูกถักทอมาจากขนแกะ Merino 100% ซึ่งเป็นขนแกะจากฟาร์มที่เรียกได้ว่าดีที่สุดในประเทศอิตาลี และเป็นฟาร์มขนแกะที่ได้รับความนิยมมายาวนานจากรุ่นสู่รุ่น

ข้อสอง Paladino ได้รับแรงบันดาลใจการดีไซน์มาจากความต้องการของหนุ่มๆ ยุคสมัยใหม่สายแฟชั่น ที่มีความพิถีพิถันในการแต่งตัว นั่นก็คือต้องดูดีและสวมใส่สบาย สามารถใช้งานได้หลากหลายโอกาส ไม่ว่ายุคไหนก็ไม่ตกเทรนด์ อยู่เป็นอันดับต้นๆของเทรนด์แฟชั่นอยู่เสมอ และสามารถแสดงออกถึงความแตกต่างของบุคลิกของผู้สวมใส่ได้ 

ทำให้ Paladino นั้นได้มีการออกแบบเนื้อผ้าให้มีความหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นโทนสีหรือแพทเทิร์นที่ดูทันสมัย ไว้ตัดเย็บชุดสูทตามสไตล์คุณ 

Paladino เพื่อคุณและคุณเท่านั้น  
“อยากได้ชุดสักชุด ก็อยากได้ดั่งใจที่เราต้องการ” กลายเป็นเรื่องสำคัญไปแล้วสำหรับการทำแบรนด์ ที่ต้องมีบริการ BESPOKE หรือการวัด และออกแบบตามที่หนุ่มๆ ต้องการอย่างละเอียดทุกดีเทล Paladino ก็เป็นอีกแบรนด์ที่ให้ความสำคัญ หยิบความเฉพาะตัวแบบฉบับ Paladino มาผสมผสานกับความต้องการของลูกค้า กลายเป็นชุดที่ตัดเย็บมาเพื่อคุณและคุณเท่านั้น รวมถึงบริการ MADE TO MEASURE ที่ปรับชุดสูทตามสไตล์ Paladino ให้เข้ากับขนาดของหนุ่มๆ อีกด้วย  

📣 SUITCUBE เพื่อนรู้ใจผู้ชายเรื่องชุดสูทก็ไม่พลาดนำผ้า Paladino มาให้บริการถึงที่ พร้อมบริการรับสั่งตัดที่วัดไซส์ และใส่ใจความต้องการของคุณในทุกรายละเอียด

Dormeuil ผ้าผืนหรู สง่างามไร้กาลเวลาแบบฉบับผู้ดีอังกฤษ ที่เป็นที่โปรดปรานของกษัตริย์ ประธานาธิบดี และดาราฮอลลีวูดทั่วโลก

‘เก่าอย่างเก๋าประสบการณ์’
เราขอนิยามผ้า Dormeuil ด้วยประโยคด้านบน เพราะตลอด 175 ปีที่ผ่านมาคือระยะเวลาที่การันตีได้แล้วว่า ผ้า Dormeuil มีคุณภาพพรีเมียมจนครองใจคุณผู้ชายทั่วโลก

ปี 1842 คือจุดกำเนิดของผ้า Dormeuil โดย ‘Jules Dormeuil’ ในวัย 22 ซึ่งเขาคงไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะได้เป็นเจ้าของ ‘House of Dormeuil’ แบรนด์ผ้าตัดสูทในตำนาน ที่สรรสร้างค์ผืนผ้าแสนหรู ด้วยวิธีการผลิตแบบดั้งเดิมเข้ากับเทคโนโลยีสมัยใหม่ในประเทศอังกฤษ

ในปี 1922 Dormeuil ปล่อยผ้า Dormeuil คอลเลคชันแรกอย่าง ‘Sportex’ ที่มีริม หรือขอบของผ้าที่ได้จากการทอ ถูกดีไซน์มาเพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้กับนักกีฬา ซึ่งประสบความสำเร็จจนทำให้ผ้า Dormeuil ขยายตัวไปยัง Regent Street ที่ย่าน West End, ลอนดอน

จากความสำเร็จของสาขา West End ทำให้ต่อมาในปี 1936 Dormeuil ปล่อย ‘Frilex’ ผ้าขนสัตว์ที่ทักทอด้วยลายขัดธรรมดา (plain weave) และการผลิตแสนพิเศษที่ทำให้ผ้าชนิดนี้สวมใส่สบาย แห้งเร็ว และอีกครั้ง ที่ผ้า Dormeuil ได้รับการยอมรับและมีชื่อเสียงติดลมบนในวงการกีฬาระดับโลก โดยเฉพาะเหล่านักเทนนิสมือโปร ต่อมาในยุค 1950 Dormeuil หยิบความโอต์กูตูร์ตามสไตล์ฝรั่งเศสเข้ามาผสมผสาน กลายเป็นผ้า Dormeuil คอลเลคชัน ‘Tonik’ ที่ทักทอด้วยวิธีการเฉพาะจากขนโมแฮร์ (Mohair) บริสุทธิ์ 3 ชั้น ซึ่งทำมาจากขนแพะแองโกลา โดยช่างมากฝีมือในประเทศอังกฤษ จนได้ผ้าที่มีความโดดเด่น

ปี 1970 ผ้า Dormeuil ถูกปล่อยออกมาอีกครั้งในคอลเลคชัน ‘Super Brio’ ผ้าแสนเบาสบายจากขนโมแฮร์ที่ถือได้ว่าสวยที่สุดในโลกก็ว่าได้ ส่งผลให้ธุรกิจผ้า Dormeuil เฟื่องฟูขึ้นเรื่อยๆ และพีคที่สุดในยุค 80-90 จนปี 1989 Dormeuil ผลิต ‘Laser’ ผ้าไฮทวิสต์ (high-twist) ผืนแรกของแบรนด์ขึ้น ซึ่งเป็นเนื้อผ้าที่ผสมผสานขนแกะเมอริโน (Merino) จากประเทศออสเตรเลียเข้ากับเทคนิคการปั่นฝ้ายแบบใหม่ จนได้ผ้าที่ช่วยเพิ่มความเย็นสบายและยับยาก ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนของวงการผ้าระดับไฮเอนด์เลยทีเดียว

ปิดท้ายด้วย ‘Amadeus’ ผ้า Dormeuil ยอดฮิตที่ขายดิบขายดีจนทุกวันนี้ เพราะทักทอด้วยช่างมากประสบการณ์ในประเทศอังกฤษ ผ่านการผสมผสานระหว่างภูมิปัญญาเก่าแก่ของชาวอังกฤษกับความหรูหราตามสไตล์ฝรั่งเศส จนได้ผ้าที่มีความนุ่ม สบาย ทั้งยังเหมาะกับเสื้อผ้าที่สวมใส่ได้ทุกวัน และกลายเป็นหนึ่งในผ้า Dormeuil ที่ดีติดอันดับโลก

จากความพิถีพิถันในขั้นตอนการผลิต การคัดเลือกวัตถุดิบอย่างใส่ใจ ไปจนถึงการให้ความสำคัญกับรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ผ้า Dormeuil จะยืนหนึ่งในใจคุณผู้ชายทั่วโลกตั้งแต่รุ่นเล็กไปจนถึงรุ่นใหญ่ และกลายเป็นผ้าขวัญใจของแบรนด์หรูตัวท็อป ไม่ว่าจะเป็น Gucci Prada และ Chanel ที่มักหยิบผ้า Dormeuil มาตัดเย็บเป็นชุดสูทคุณภาพพรีเมียม

SUITCUBE เพื่อนรู้ใจเรื่องชุดสูทของคุณผู้ชาย ก็ไม่มีพลาดนำผ้าตัดสูทจากแบรนด์ ‘ Dormeuil ’ มาให้บริการ เพื่อที่จะมอบประสบการณ์สุดพรีเมี่ยมในการแต่งตัวด้วยชุดสูทของผู้ชาย และพร้อมส่งต่อชุดสูทเนื้อดี มีคุณภาพให้สุภาพบุรุษทุกคนได้มีไว้ครอบครอง

sources : https://www.tailoronten.com/blogs/news/52263493-dormeuil-the-fabric-of-connoisseurs

https://www.tailoronten.com/pages/get-what-you-pay-for

เข็มกลัดสูท ( Lapel Pin ) เครื่องประดับตัวจิ๋วที่จะมาช่วยอัพเกรดความหล่อ ก่อนที่เราจะมาพูดถึงวัตถุประสงค์ในการติดเข็มกลัดสูทเข้ากับชุดสูท เรามาเริ่มจากการทำความรู้จักกับเจ้าตัว เข็มกลัดสูท นี้กันก่อนเลยดีกว่าว่ามันมีลักษณะอย่างไร

เข็มกลัดสูท ( Lapel Pin ) นั้นก็คือเข็มกลัดเล็กๆที่มีรูปแบบต่างๆนิยมติดบนปกเสื้อสูทหรือทักซิโด้โดยมีวัตถุประสงค์หลักๆนั้นก็เพื่อประดับตกแต่งให้ดูสวยงามหรือในบางบริษัทก็ใช้เป็นเครื่องประดับแสดงอัตลักษณ์ขององค์กร

ถ้าเนกไทสามารถบ่งบอกรสนิยมของผู้ชายได้ฉันใด เข็มกลัดสูทก็สามารถนำเสนอความเป็นตัวคุณได้ฉันนั้น การเลือกใช้เข็มกลัดสูทแต่ละประเภทนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะเข็มกลัดสูทมีรูปแบบที่หลากหลาย วัสดุที่ใช้แตกต่างกัน แน่นอนว่าการเลือกใช้ในแต่ละโอกาสก็แตกต่างด้วย เพราะฉะนั้นก่อนอื่นเลยเรามาทำความรู้จักกับเจ้าเข็มกลัดสูทเหล่านี้ก่อนเลยดีกว่าว่ามีกี่ประเภท และลักษณะเป็นอย่างไรบ้าง?

Boutonnière/ บูโทเนียร์
เป็นเข็มกลัดสูทที่ทำขึ้นจากดอกไม้สด โดยการนำดอกไม้จริงๆ มาใช้ทำเป็นช่อแล้วนำเข็มมุดกลัดติดเสื้อสูท ซึ่งเข็มกลัดสูทรูปแบบนี้ถือเป็นรูปแบบที่มีความเป็นทางการมากที่สุด ดังนั้นจึงไม่แปลกที่เราจะเห็นกันบ่อยครั้งในงานสำคัญๆ อย่างงานแต่งงาน และมักถูกติดอยู่ด้านซ้ายของปกเสื้อสูทเสมอๆ ( ฝั่งเดียวกับหัวใจพอดิบพอดี ) โดยตัวก้านของเข็มมุดจะถูกกลัดซ่อนอย่างดีเพื่อให้เตัวดอกไม้ดูสมจริงมากที่สุด แต่ในสมัยนี้ก็มีการนำผ้ามาประดิษฐ์ให้เป็นพุ่มดอกไม้เล็กๆใช้แทนกันอยู่เหมือนกันเพราะนอกจากดอกไม้จะไม่เหี่ยวระหว่างวันแล้วยังสามารถเก็บรักษาไว้ใช้ในงานต่อๆไปได้อีก

เข็มกลัดสูทแบบก้าน
เป็นรูปแบบของเข็มกลัดสูทที่มีควาร่วมสมัย และเป็นที่นิยมใช้มากที่สุดในปัจจุบัน ตัวก้านผลิตจากโลหะหรือสแตนเลส วิธีการใช้งานง่ายเมื่อเสียบเข้ากับปกเสื้อสูทแล้วจะมีตัวยึดปลายเข็มด้านล่าง ด้วยความที่เป็นที่นิยม จึงมีดีไซน์ออกมาให้เห็นกันอย่างหลากหลาย มีรูปแบบให้เลือกมากกว่า อย่างแบบที่ฮอตฮิตก็จะเป็นแบบขนนก หรือรูปสัตว์น่ารักๆ

เข็มกลัดสูทแบบตรา
ในวงการกองทัพทหารจะมีการติดเข็มกลัดบนเครื่องแบบเหมือนเป็นเครื่องหมายแสดงถึงเกียรติยศ หรือเพื่อแสดงสัญลักษณ์บางอย่าง ซึ่งเข็มกลัดสูทแบบตราก็มีแนวคิดคล้ายๆกัน โดยการนำสัญลักษณ์อย่างธงชาติ ดาว หรือโล่ มานำเสนอในรูปแบบที่ดูหรูหราขึ้น

วิธีการใส่ Lapel pin

• เข็มกลัดสูทต้องติดที่ปกเสื้อสูทด้านซ้ายมือเหนือ Pocket Square เสมอ
• จิ้มเข็มกลัดลงบนรังดุมปกเสื้อสูท ถ้าหากเสื้อสูทของคุณไม่มีรังดุมปกเสื้อสามารถจิ้มลงบนเนื้อผ้าสูทได้เลย โดยกะระยะให้ตัวเข็มกลัดอยู่ เหนือ Pocket Square

🔥 สำหรับใครที่ต้องการความพิเศษมากขึ้นไปอีก SUITCUBE เราขอแนะนำบริการ Custom Lapel Pin เข็มกลัดสูทผลิตจากวัสดุคุณภาพดี แข็งแรงทนทาน ที่สำคัญคุณสามารถเป็นผู้ออกแบบได้เอง!!! 

🔥 เรามีตัวอย่างเทมเพลตให้เลือกมากถึง 12 รูปแบบ 3 เฉดสี ( สีทอง สีโรสโกล์ด สีเงิน ) เลือกใส่ข้อความที่บ่งบอกความเป็นตัวคุณ หรือเลือกซื้อเป็นของขวัญให้กับคนพิเศษ ราคาเพียง 1,590 บาท

🔥 และบริการใหม่ล่าสุด Custom Lapel Pin Exclusive Design ลูกค้าท่านใดไม่สะดวกออกแบบด้วยตัวเอง
ให้ SUITCUBE Designer เป็นผู้ช่วยออกแบบได้ตามใจคุณ พร้อมให้คำแนะนำใกล้ชิดระดับ Exclusive พิเศษขนาดนี้แน่นอนว่าเหมาะที่สุดสำหรับมอบให้เป็นของขวัญกับคนพิเศษ หรือใช้ในงานพิเศษ อย่างงานแต่งงานเป็นต้น

🔥 Hot Promotion 🔥
Custom Lapel Pin Exclusive Design 20% Discount จากราคาเต็ม 2,490 บาท ลดเหลือ 1,992 บาท

VBC แบรนด์นี้ไม่ได้ชื่อว่า วีบีซี แต่สามตัวอักษรนี้ย่อมาจาก ‘Vitale Barberis Canonico’ ซึ่งมีจุดเริ่มต้นจากการเปิดโรงงานผลิตผ้าที่นับว่าเป็นศูนย์กลางของการผลิตผ้าขนสัตว์ ในเมืองบีเอลลา (Biella) ทางตอนเหนือของประเทศอิตาลี เนื้อผ้าของ VBC ขึ้นชื่อเรื่องคุณภาพพรีเมียม มีเอกลักษณ์ และความนุ่ม ทำให้ครองใจคุณผู้ชายมาได้นานกว่า 354 ปี

ย้อนกลับไปปี 1663 ดยุคแห่งซาวอย (Duke of Savoy) ได้สั่งซื้อผ้าขนสัตว์สีเทาจาก VBC ซึ่งเป็นผ้าที่กลายเป็นสินค้าขายดีของ VBC ตั้งแต่วันนั้นจวบจนวันนี้ หนึ่งร้อยปีต่อมาธุรกิจของ VBC ขยับขยายอย่างกว้างขวาง ตั้งแต่ได้เซนต์สัญญาเป็นซัพพายเออร์เจ้าใหญ่ส่งผ้าให้กับทหาร และในปี 1770 VBC ยังผลิตผ้าจำนวนมากให้กับกองทัพ และยังคงส่งผ้าให้ไปจนถึงช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ยิ่งไปกว่านั้น ในปี 1929 ขณะที่ผู้คนกำลังทุกข์ทนกับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ (The Great Depression) ที่เกิดในทวีปอเมริกาเหนือและทวีปยุโรป VBC กลับสามารถส่งออกผ้าไปยังสหรัฐอเมริกา อินเดียตะวันออก และจีนได้  

อ่านมาถึงตรงนี้ เชื่อว่าหลายคนคงนึกสงสัยเหมือนกับเราว่า อะไรคือสิ่งที่ทำให้ผ้าของ VBC มีความพิเศษจนทั่วโลกให้ความสนใจ และยังคงคุณภาพได้ยาวนาน คำตอบคือ การเลือกใช้ขนแกะที่ดีที่สุดในโลกอย่าง ‘ขนแกะ Merino สายพันธุ์ Saxon’ ที่ขึ้นชื่อว่าดีที่สุดในออสเตรเลีย และมีความอ่อนนุ่มกว่าผ้าขนสัตว์ชนิดไหน เพื่อส่งต่อสู่ขั้นตอนการผลิตสุดพิถีพิถันด้วยผู้เชี่ยวชาญและทีมงานคุณภาพ เริ่มตั้งแต่การนำขนแกะมาปั่นขึ้นเส้นด้าย ตามด้วยทอและย้อมสีอย่างละเอียดทุกเส้น เพื่อให้ได้เส้นใยที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางเพียง 17.75 ไมครอน ซึ่งถือว่าเป็นเส้นใยที่มีความละเอียดสูง ส่งผลให้เมื่อนำไปทอเป็นผืนผ้า จะได้เนื้อผ้าที่นุ่มนวล เท็กเจอร์สวยงาม และน่าสัมผัส  

โดยเนื้อผ้าของ VBC นั้นมีอยู่หลากหลายสไตล์ให้เลือกเหมาะตามการใช้งาน เช่น ผ้าคอลเลกชัน DAY WEAR – ผ้าขนสัตว์ 21 ไมครอนที่ทอด้วยเส้นด้ายสี่ชั้น มีน้ำหนักเบาเพียง 410 กรัม ทำให้หมดกังวลเรื่องรอยยับ แถมยังเบาสบาย โดยเฉพาะหน้าร้อน นำไปดีไซน์เป็นชุดได้หลากหลายรูปแบบ นอกจากนี้ผ้าของ VBC ยังมีสีให้เลือกหลายเฉด แต่ที่ขึ้นชื่อต้องสีน้ำเงิน สีเทา และสีน้ำตาล ที่ฮิตในหมู่คุณผู้ชายทุกวัยตั้งแต่สามร้อยกว่าปีที่แล้วจนถึงปัจจุบันเลยทีเดียว  

🔥🌟😎SUITCUBE เพื่อนรู้ใจเรื่องชุดสูทของคุณผู้ชาย ก็ไม่พลาดนำผ้าตัดสูทจากแบรนด์ ‘VBC ’ มาให้บริการ เพื่อมอบประสบการณ์สุดพรีเมียมในการแต่งตัวด้วยชุดสูทของผู้ชาย และพร้อมส่งต่อชุดสูทเนื้อดี มีคุณภาพให้สุภาพบุรุษทุกคนได้มีไว้ครอบครอง      

ชุดปกติขาว คือเครื่องแบบราชการที่เรามักเห็นตามงานพิธีสำคัญอยู่เสมอ ซึ่งชุดปกติขาวจะมีทั้งของผู้ชาย และผู้หญิง ทั้งชุดจะใช้เนื้อผ้าสีขาวสะอาดเหมือนกัน แต่ต่างกันที่รูปแบบและเครื่องหมายที่ติดกับชุด และถึงแม้ว่า เราจะเห็นชุดปกติขาวผ่านตากันบ่อยครั้ง แต่เชื่อว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะเข้าใจรูปแบบได้อย่างถูกต้องครบถ้วน SUITCUBE จึงขอช่วยไขข้อสงสัย ชวนเปิดข้อมูลฉบับย่อของ ‘ ชุดปกติขาว ’ ว่ารูปแบบที่ถูกต้อง และเครื่องหมายที่ใช้กันนั้นเป็นอย่างไร

รูปแบบที่ถูกต้องของ ชุดปกติขาว

– รูปแบบสำหรับผู้ชาย –

ชุดปกติขาว สำหรับผู้ชาย ให้เลือกเสื้อราชการคอปิดสีขาวแขนยาว มีกระเป๋า พร้อมใบปกกระเป๋าที่อกเสื้อทั้งสองข้าง ใส่คู่กับกางเกงขายาวสีขาวเช่นกัน กระดุมที่ใช้ต้องเป็นกระดุมโลหะสีทองตราครุฑพ่าห์ขนาดใหญ่ 5 เม็ด ใส่คู่กับถุงเท้าสีดำ และรองเท้าหนังหุ้มส้นสีดำ

– รูปแบบสำหรับผู้หญิง –

สำหรับชุดปกติขาวของผู้หญิงนั้น จะมีดีเทลที่เสื้อมากกว่า เริ่มจากเสื้อชั้นนอก ให้เลือกเสื้อคอแบะสีขาวแบบคอแหลมหรือคอป้าน แขนยาวถึงข้อมือ รวมถึงต้องมีตะเข็บหลัง 4 ตะเข็บ ถัดมาเป็นเสื้อข้างใน ให้เลือกเสื้อคอพับแขนยาวสีขาว ผูกผ้าผูกคอสีดำเงื่อนกะลาสี เสื้อชั้นนอกคอแหลมต้องติดกระดุมโลหะสีทองตราครุฑพ่าห์ ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1.5 เซนติเมตร 3 เม็ด และสำหรับเสื้อชั้นนอกคอป้านต้องมีกระดุม 5 เม็ด มีกระเป๋าล่างลักษณะเจาะเฉียงเล็กน้อย และไม่มีใบปกกระเป๋าข้างละ 1 กระเป๋า ใส่คู่กับกระโปรงสีขาวยาวคลุมเข่า ถุงน่องหรือถุงเท้ายาวสีเนื้อ ปิดจบด้วยรองเท้าหนังหุ้มส้น

เช็กลิสต์เครื่องหมายติด ชุดปกติขาว
เครื่องหมายติดชุดปกติขาวมีอยู่ด้วยกัน 4 เครื่องหมายหลัก คือ

• เครื่องราชอิสริยาภรณ์ : ทำจากผ้าแพรแถบ ไม่มีพลาสติกหุ้ม ซึ่งผู้ที่ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ทั้งผู้ชาย และผู้หญิงให้ประดับแพรแถบเครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่อกเสื้อเหนือกระเป๋าบนซ้ายประมาณ 0.5 เซนติเมตร
• เครื่องหมายอินทนู : แทบสีทองกว้าง 1 เซนติเมตร มีลักษณะเป็นช่อชัยพฤกษ์ 3 ดอก ปักด้วยดิ้นสีทอง ซึ่งของผู้ชายจะมีขนาดใหญ่ และของผู้หญิงจะมีขนาดเล็ก
• เครื่องหมายสังกัด : โลหะโปร่งสีทองรูปตราราชสีห์ (ห้ามเคลือบพลาสติก) ทั้งผู้ชายและผู้หญิงให้ติดที่ปกคอเสื้อด้านหน้าทั้งสองข้าง แตกต่างกันที่เครื่องหมายสังกัดของผู้ชายจะมีขนาดใหญ่กว่าของผู้หญิง
• กระดุมครุฑ : มีลักษณะเหมือนกันทุกกระทรวง ทำด้วยโลหะสีทองเป็นรูปครุฑ

นอกจากชุดปกติขาวแล้ว ยังมี ‘ชุดปกติขาวเต็มยศ’ รูปแบบเหมือนชุดปกติขาว แต่เปลี่ยนกางเกงและกระโปรงเป็นสีดำ ประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ และสวมสายสะพาย (หากมี) มักใช้กับพระราชพิธีเปิดสมัยประชุมรัฐสภา พระราชพิธีถวายผ้าพระกฐิน พระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา พระราชพิธีฉัตรมงคล และงานสโมสรสันนิบาต ทําเนียบรัฐบาล รวมถึงยังมี ‘ชุดปกติขาวครึ่งยศ’ ที่มีรูปแบบเหมือนกับชุดปกติขาวเต็มยศ ต่างกันแค่ไม่มีสายสะพาย ส่วนมากใช้กับงานซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดําเนิน แต่เป็นงานที่มีความสําคัญรองไปจากงานซึ่งต้องแต่งเครื่องแบบเต็มยศนั่นเอง

SUITCUBE ก็ไม่ละเลยเรื่องราวของชุดปกติขาว เพราะนอกจากเราจะมีชุดสูท ready to wear สำหรับพร้อมใส่ และเปิดรับตัดสูท tailor made ที่วัดตามไซส์และความต้องการของคุณโดยเฉพาะแล้ว เรายังเปิดรับตัด ‘ชุดขาวปกติ’ ตัดเย็บอย่างประณีต เนื้อผ้าดี ให้ทั้งคุณผู้ชาย และคุณผู้หญิงที่ทำงานราชการ มาใช้บริการตัดชุดขาวปกติไปใช้งานกัน

Soktas แบรนด์ผ้าเชิ้ตจากประเทศตุรกีที่เปรียบเสมือนผู้เชี่ยวชาญด้านผ้าสำหรับเสื้อเชิ้ต “ เสื้อเชิ้ตที่ดี จะเสริมบุคลลิกที่ดีให้กับผู้สวมใส่” เป็นเรื่องที่ปฎิเสธไม่ได้ว่า เสื้อเชิ้ต คือไอเทมชิ้นสำคัญสำหรับใครหลายคน บางคนมีล้นตู้ครบทุกสีสัน บางคนมีสไตล์หลากหลายไม่ซ้ำกัน แต่เสื้อเชิ้ตที่ดีคงไม่ได้วัดที่สี หรือสไตล์เท่านั้น เพราะความจริงแล้ว ‘เนื้อผ้า’ ต่างหากที่เป็นตัวบอกว่า เสื้อเชิ้ตที่เรากำลังใส่อยู่นั้นคุณภาพดีหรือเปล่า เราเลยมีเรื่องราวของแบรนด์ผ้าเชิ้ตคุณภาพเยี่ยมอย่าง Soktas มาเล่าสู่ให้คนที่มีเสื้อเชิ้ตเป็นไอเทมคู่กายได้ฟังกัน


Soktas คือแบรนด์ผ้าเชิ้ตสัญชาติตุรกีที่มีคุณภาพไม่เป็นสองรองใคร ย้อนกลับไปปี 1971 Soktas เปิดตัวในฐานะดีไซเนอร์ผู้เชี่ยวชาญและผู้ผลิตผ้าเชิ้ตคุณภาพดีจากคอตตอนแท้และผ้าคอตตอนผสม โดดเด่นด้วยดีไซน์หรูหรา และถักทอโดยช่างมากฝีมือ ต่อมา Soktas เริ่มผลิตผ้าเนื้อดีสำหรับแจ็กเก็ตและกางเกงเพิ่มเติม ทำให้ในปี 1995 Soktas ก้าวขาสู่ตลาดหลักทรัพย์ตุรกีได้สำเร็จ


ผ้าเชิ้ตของ Soktas ทุกผืน เต็มไปด้วยความใส่ใจและความตั้งใจของผู้ผลิต ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาเส้นด้ายอยู่เสมอ มีทั้งแบบดั้งเดิม ซึ่งคือผ้าคอตตอน และผ้าคอตตอนผสมฝ้าย และการผสมผสานเส้นด้ายชนิดใหม่ เช่น ผ้าวูล ผ้าลินิน และผ้าไหม ซึ่งฝ้ายที่ Soktas เลือกใช้ปลูกและดูอย่างดีในระบบฟาร์มของตัวเอง ทั้งยังพัฒนาเส้นใยร่วมกับ Cotton Research Institut ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยชั้นนำ เพื่อให้ได้เนื้อผ้าคอตตอนที่มีความทนทาน และนุ่มนวลที่สุด   ชื่อเสียงเนื้อผ้าเชิ้ตของ Soktas โด่งดังไปทั่วโลก จึงมีแบรนด์ใหญ่ชั้นนำระดับโลกติดต่อขอใช้เนื้อผ้า Soktas เพื่อนำไปตัดเย็บมากมาย เพราะหากใครได้เป็นเจ้าของเสื้อเชิ้ตที่ตัดเย็บจากผ้าเนื้อดีของแบรนด์ Soktas แล้ว จะดูมีเสน่ห์และทันสมัย ด้วยเนื้อผ้า และรายละเอียดที่โดดเด่นกว่าใคร และถึงแม้จะต้องส่งผ้าเชิ้ตไปยังหลากหลายประเทศ แต่ Soktas ก็ไม่เคยทำให้แบรนด์ไหนผิดหวัง เพราะระบบการสั่งเนื้อผ้านั้นมีประสิทธิภาพ ส่งเนื้อผ้าได้อย่างถูกต้องแม่นยำและรวดเร็วมากทีเดียว  

⚡ SUITCUBE เพื่อนรู้ใจเรื่องชุดสูทของคุณผู้ชาย ก็ไม่พลาดนำผ้าตัดสูทจากแบรนด์ ‘Soktas’ มาให้บริการ เพื่อมอบประสบการณ์สุดพรีเมียมในการแต่งตัวด้วยชุดสูทของผู้ชาย และพร้อมส่งต่อชุดสูทเนื้อดี มีคุณภาพให้สุภาพบุรุษทุกคนได้มีไว้ครอบครอง

กระเป๋าสตางค์ผู้ชาย ไอเท็มข้างกายที่ทั้งหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ขาดกันไม่ได้เลยทีเดียว เพราะต้องเตรียมเงินไว้เปย์แบบจัดเต็ม ทั้งเรื่องส่วนตัว ซื้อของ เที่ยว ปาร์ตี้ และที่สำคัญเปย์สาวๆยังไงหล่ะ

แต่ใช่ว่ากระเป๋าสตางค์ผู้ชายจะเลือกใช้แบบไหนก็ได้ถูกไหมคะ จะเลือกซื้อทั้งทีก็ต้องดูทั้งรูปแบบและฟังก์ชั่นการใช้งานให้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของตัวเอง วันนี้ SUITCUBE เลยมีรูปแบบกระเป๋าสตางค์ผู้ชาย พร้อมวิธีใช้มาให้มาลองเช็กลิสต์ว่า คุณเหมาะกับกระเป๋าสตางค์ผู้ชายแบบไหน หรือสาวๆ จะดูไว้เผื่อซื้อกระเป๋าสตางค์ผู้ชายเซอร์ไพร์สหนุ่มรู้ใจก็ดีไม่น้อย

ยืนพื้นคลาสสิก ด้วยวัสดุหนัง
ก่อนไปดูว่า กระเป๋าสตางค์ผู้ชายแบบไหนเหมาะกับคุณ เราขอแนะนำวัสดุสุดคลาสสิกอย่าง ” หนัง ” กันก่อน เพราะกระเป๋าสตางค์แบบหนังเป็นไอเท็มที่ฮิตกันมากในหมู่ผู้ชาย เรียกได้ว่าถ้าหนุ่มๆ คิดจะเลือกซื้อกระเป๋าสตางค์สักใบ ความคิดแรกที่แว๊บเข้ามาในหัวก็เป็น ” กระเป๋าสตางค์แบบหนัง ” อย่างแน่นอน เพราะกระเป๋าสตางค์ผู้ชายที่ทำจากหนังนั้นจะมีความทนทาน ใช้ได้นาน แถมหยิบมาใช้เมื่อไหร่ก็ไม่ตกเทรนด์ จนกลายเป็นไอเท็มที่วงการแฟชั่นยกฉายา Timeless Classic ให้!!

สายสบาย พกพาสะดวก : Billfold/Trifold Wallet
กระเป๋าสตางค์ผู้ชายที่เหมาะกับหนุ่มง่ายๆ ไม่ชอบพกของเยอะคือ กระเป๋าสตางค์ 2 พับ (Billfold Wallet) และ กระเป๋าสตางค์ 3 พับ (Trifold Wallet) กระเป๋าสตางค์ผู้ชายใบสั้น ทรงคลาสสิกที่พับแล้วใส่ลงกระเป๋ากางเกงได้พอดิบพอดี ซึ่งจะเน้นใส่แบงค์และบัตรมากกว่าใส่เหรียญ แนะนำให้เลือกหนังที่มีเทกซ์เจอร์เรียบๆ หรือมีลวดลายเล็กน้อยก็พอแล้ว

สายเนี้ยบ แบงค์ต้องเรียบทุกใบ : Long Wallet
ใครเป็นหนุ่มสายเนี้ยบต้องเทใจให้ กระเป๋าสตางค์ผู้ชายแบบยาว (Long Wallet) ซึ่งเป็นกระเป๋าสตางค์ที่เข้าคู่กับชุดสูทหรือลุคเรียบโก้ดูภูมิฐานได้อย่างดี ทั้งยังเพิ่มความโดดเด่นมากขึ้นเวลาถือ โดยจะเน้นใส่แบงค์และมีช่องสำหรับใส่บัตรเยอะ รับรองว่าหยิบเงินออกมาใช้เมื่อไหร่ ก็เรียบกริบไม่มียับแน่นอน

สายพร้อม แบงค์เหรียญมีครบ : Zipper Wallet
ใครไม่พร้อมผมพร้อม ! จะแบงค์หรือเหรียญขอให้บอก เพราะใช้ กระเป๋าสตางค์ผู้ชายแบบซิป ( Zipper Wallet ) ที่มีพื้นที่ให้ใส่เหรียญและของเล็กๆ น้อยๆ มากกว่ากระเป๋าสตางค์ผู้ชายทรงอื่น โดยส่วนใหญ่หนุ่มๆ จะเน้นถือมากกว่าเก็บลงกระเป๋า ดังนั้นจะเลือกซื้อกระเป๋าสตางค์ผู้ชายแบบซิปสักใบ ก็ต้องดูที่ดีไซน์ดี หนังสวยคลาสสิก และมีแบรนด์บ้างก็เพิ่มลุคสมาร์ท

สายรูดปื๊ด พกบัตรเป็นกุรุส : Card Holder
ปิดท้ายด้วย กระเป๋าสตางค์ผู้ชายยุคใหม่สายรูดปื๊ด ( Card Holder ) เน้นสำหรับใส่การ์ด ที่หนุ่มคนไหนพกบัตรเยอะต้องใช้ใบนี้ เพราะจะช่วยให้คุณเก็บบัตรได้เป็นระเบียบ จะหยิบมาใช้เมื่อไหร่ก็ง่าย รูดปื๊ดไม่มีติด ที่สำคัญคือมีขนาดเล็กกะทัดรัด พกพาสะดวก แถมยิ่งถ้าเลือกสไตล์เท่ เนี้ยบ ยิ่งเสริมความหล่อเพิ่มขึ้นไปอีก

เข้าใจรูปแบบของกระเป๋าสตางค์ผู้ชายกันไปแล้ว คราวนี้ก็เลือกให้เหมาะกับการใช้งาน แล้วอย่าลืมนึกถึงสไตล์ที่ใช้ได้ตลอดกาล และแมทช์เข้าง่ายๆ กับทุกชุด

ถ้าหนุ่มคนไหนยังลังเลตัดสินใจไม่ได้ SUITCUBE  ขอแนะนำ กระเป๋าสตางค์หนัง ของเรา ที่ผลิตจากหนังวัวแท้ มีความทนทาน มาพร้อมกับดีไซน์เรียบหรู ขนาดกะทัดรัดพกพาได้สะดวก สินค้ามีด้วยกันสามสี  ( Black, Dark Brown, Tawny ) มาในราคา 1,690 บาท
สนใจสั่งซื้อสินค้า “คลิก”